ไขข้อข้องใจโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร
สำหรับริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าของกล้ามเนื้อบนใบหน้า
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม
จากสองบทความก่อนหน้านี้ที่เราได้นำเสนอไป หลายๆท่านคงทราบกันแล้วว่า โบท็อกซ์ และ ฟิลเลอร์ ทำหน้าที่ค่อนข้างคล้ายกันคือสามารถใช้เพื่อลดริ้วรอยแห่งวัยและการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวมีมิติและคมชัดมากขึ้น แต่คำถามคือเราควรเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดีที่เหมาะสมกับเรา เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจมากขึ้นในบทความนี้เราจะพามาทำความเข้าใจว่าทั้งสองการรักษานี้แตกต่างกันอย่างไร
สำหรับริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าของกล้ามเนื้อบนใบหน้า
อาทิ รอยที่ย่นตีนกา รอยย่นบริเวณหน้าผาก หรือ รอยย่นบริเวณหว่างคิ้ว แพทย์มักจะแนะนำให้ใช้ โบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย เหล่านั้น เนื่องจากโบท็อกซ์สามารถช่วยในเรื่องของการลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ จึงสามารถช่วยลดริ้วร้อยที่เกิดจากกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้โบท็อกซ์ยังสามารถช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อในส่วนที่เราต้องการให้ดูเล็กลงได้อีกด้วย โดยมากจะใช้กับกล้ามเนื้อบริเวณกรามเพื่อลดขนาดกราม จะเห็นได้ว่าโบท็อกซ์มุ่งเน้นไปในการแก้ไขใบหน้าในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม
ที่มักใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า โดยมากใช้เพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไปโดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์จะเหมาะสำหรับใช้เติมเต็มบริเวณที่มีปัญหา เช่น ขมับตอบ หน้าตอบ แก้มตอบ ร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปากบาง จมูกไม่โด่งไม่คมชัด หรือคางสั้นคางบุ๋ม เพื่อให้หน้าดูสวยสดใสสมวัยมากขึ้น ดูมีมิติคมชัดและดูอ่อนล้าน้อยลง เมื่อเทียบกับโบท็อกซ์ฟิลเลอร์จะเหมาะกับการลดริ้วรอยสำหรับส่วนที่ไม่ค่อยได้มีเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและสามารถใช้เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป
มาถึงตรงนี้ทุกท่านคงพอจะเข้าใจถึงการทำงานของทั้งโบท็อกซ์และฟิลเลอร์กันแล้ว สำหรับคำถามว่าวิธีการรักษาแบบใดดีกว่ากัน คงจะต้องบอกว่าการรักษาทั้งสองวิธีนั้นมีข้อดีคนละแบบและมีข้อบ่งชี้ในการใช้ไม่เหมือนกัน การรักษาจะขึ้นอยู่กับผิวหน้าและลักษณะรูปหน้าของแต่ละท่านบางท่านอาจเหมาะกับการทำโบท็อกซ์มากกว่าฟิลเลอร์ ในขณะที่บางท่านอาจพบว่าฟิลเลอร์ใช้ได้ผลมากกว่า ตรงนี้สามารถให้คุณหมอญา (พญ. อภิริญา วิสุทธิรัตน์) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าของทางคลินิกช่วยประเมินได้ว่าท่านเหมาะกับการรักษาแบบใด ในบางกรณีอาจมีการใช้ทั้งโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ในคราวเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาในแต่ละจุด