หลายคนอาจพบเจอปัญหาของรอยสิวต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากเป็นสิวอักเสบหรือสิวอุดตัน ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิวด้วยการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ นอกจากนี้การบีบสิวหรือการแกะสิวก็ทำให้เกิดรอยสิวได้เช่นกันโดยรอยสิวสามารถแบ่งได้ดังนี้
รอยสิวทั่วไป
จะเป็นรอยสิวที่สามารถพบเห็นได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเป็นหลุมสิวตื้นๆ มีสีแดงหรือน้ำตาล โดยรอยสิวแบบทั่วไปนี้สามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่จะใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน การรักษาและการดูแลอย่างถูกวิธีจะช่วยให้รอยสิวหายได้ไวขึ้น
รอยแดง อาจเกิดจากการแคะ แกะ บีบสิว ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดเป็นรอยแดง
รอยดำ ร่างกายมีการรักษารอยสิวบนผิวด้วยการผลิตเม็ดสีผิวเมลานีนจำนวนมาก ทำให้สีผิวบริเวณนั้นเข้มขึ้นหรือเป็นรอยดำ มักเกิดหลักจากสิวอักเสบหายแล้ว ซึ่งแสงแดดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนให้รอยดำเข้มขึ้น
รอยสิวหลุมลึก
เช่น หลุมสิวแบบคลื่น หลุมสิวแบบกล่อง หรือหลุมสิวแบบจิิก รอยสิวประเภทนี้เป็นรอยที่ยากสำหรับการรักษาแบบทั่วไป เพราะรอยนี้เกิดจากความเสียหายในระดับชั้นผิวที่ลึกลงไป โดยมีทั้งแบบจุดหลุมสิวตื้นๆ จุดหลุมลึก รวมไปถึงหลุมสิวที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งรอยสิวชนิดนี้ควรทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แพทย์ได้ประเมินปัญหาผิวหน้าและรักษาได้ตรงจุด
รอยสิวนูน
รอยสิวนูนหรือคีลอยด์ เกิดจากกระบวนการสมานแผลของผิวหนังที่ผิดปกติ มีลักษณะเป็นเนื้อนูน แข็ง มักมีสีชมพู แดง หรือเข้มกว่าผิวหนัง ซึ่งรอยแผลเป็นชนิดนี้ไม่สามารถหายเองได้ และมีโอกาสที่จะขยายขนาดขึ้นอีกด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์วิธีการรักษา เนื่องจากเป็นรอยแผลที่ลึกถึงชั้นหนังแท้
ซึ่งรอยนูนจะมีขนาดเท่ารอยแผลต่างๆ เช่น รอยแผลจากสิว แต่คีลอยด์จะเป็นก้อนนูนที่ขยายใหญ่กว่าบาดแผลมักเกิดขึ้นในเคสที่มีบาดแผลลึกและใหญ่
รอยสิวที่อยู่บนผิวหน้าอาจสร้างความลำบากใจและทำลายความมั่นใจ แต่สามารถรักษาให้หายได้หากรักษาถูกวิธีและได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างที่ AWC Wellness Clinic รักษาจากต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพื่อให้ผิวได้กลับมาเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ