AWC

Ultraformer III คืออะไร ?

เป็นเทคโนโลยีช่วยในการยกกระชับผิวหน้า สลายไขมันใต้ชั้นผิว ยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอย ที่สามารถส่งพลังงานลงสู่ใต้ชั้นผิวได้ลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นชั้นสำหรับผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเข้มข้นสูงและเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ที่เรียกว่า MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) สามารถปล่อยพลังงานไปยังตำแหน่งความลึกที่ต้องการได้ และมีความปลอดภัยสูง ไม่กระทบต่อผิวหนังบริเวณอื่น หลังทำไม่มีแผล สามารถใช้หน้าได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น

Ultraformer III ช่วยอะไรได้บ้าง ?

แก้ไขปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อยบนผิวหน้า
แก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา หนังตาตก ทำให้คิ้วยกขึ้น ดวงตาดูโต
ลดปัญหาเหนียง กรอบหน้าไม่ชัด
สามารถใช้ยกกระชับผิวบริเวณลำตัว ได้แก่ เอว หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา ท้องแขน

Ultraformer III เหมาะกับใคร ?

  • เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับทั้งบริเวณใบหน้าและลำคอ
    เหมาะกับผู้มีปัญหาหนังตาตก คิ้วตก ขอบตาล่างหย่อน มุมปากตก
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเหนียงใต้คาง มีปัญหาหน้ากลมจากสะสมของไขมัน
  • เหมาะกับผู้มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก มีริ้วรอยเล็กน้อยถึงปานกลางทั่วใบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวแบบวีเชฟ หรือต้องการปรับกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีรูขุมขนกว้าง
    เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ว่าเป็น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการสลายไขมันแก้ปัญหาเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม

Ultraformer III เจ็บไหม ?

ขณะที่เครื่อง Ultraformer III ปล่อยพลังงานลงไปในชั้นผิว จะรู้สึกจี๊ด ๆ และอุ่น ๆ ใต้ผิว ซึ่งแต่ละคนจะรู้สึกมากน้อยไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึก

หลังทำ Ultraformer III แล้วหน้าบวมไหม บวมกี่วัน  ?

หลังทำอาจทำให้มีอาการหน้าบวมหรือมีรอยแดงเกิดขึ้นได้เล็กน้อย ถือเป็นอาการปกติที่ไม่ได้มีความร้ายแรงใดๆ โดยคนไข้สามารถใช้การประคบเย็น หรือใช้เจลว่านหางจระเข้แช่เย็นมาทาเพื่อช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ แต่โดยปกติแล้วอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 7-14 วันขึ้นอยู่กับสภาพผิว

Ultraformer III อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน แต่ในบางคนก็สามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลหลังทำ แนะนำควรทำปีละ 2-3 ครั้ง สำหรับผู้ที่เคยผ่านการทำ Ultraformer III มาแล้ว จะช่วยทำให้ระยะเวลาของผลลัพธ์ของการรักษาในแต่ละครั้งอยู่ได้นานยิ่งขึ้น

Ultraformer III ต้องทำกี่ชอตถึงจะเห็นผล

จำนวนชอตที่เหมาะสมในการทำ Ultraformer III แต่ละครั้งงขึ้นอยู่กับปัญหา และสภาพผิวของคนไข้ว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยแพทย์จะเป็นผู้ทำการประเมินพร้อมกับแนะนำจำนวนชอตให้ตามความเหมาะสม แต่หลักๆ แล้วจำนวนชอตที่เริ่มต้นจะมีดังนี้
  • ทั่วใบหน้าประมาณ 400-500 ช็อต
  • หน้าผากประมาณ 100-200 ช็อต
  • รอบดวงตาประมาณ 100-150 ช็อต
  • หน้าแก้ม 2 ข้างประมาณ 300-500 ช็อต
  • คางหรือเหนียงประมาณ 150-300 ช็อต
  • ยกคิ้วประมาณ 100-200 ช็อต
  • ยกมุมปาก ประมาณ 100-200 ช็อต
  • คอ ประมาณ 150-200 ช็อต
  • เหนียง ประมาณ 150-200 ช็อต
  • กรอบหน้า ประมาณ 300-500

จุดเด่นของ Ultraformer III ?

ช่วยยกกระชับผิวแก้ผิวหย่อนคล้อยได้ดี
ช่วยปรับกรอบหน้าให้เรียวเข้ารูป
ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ
ช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
ช่วยสลายไขมันปรับลดสัดส่วน
ตัวเครื่องมีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย.
ตอนทำแทบไม่รู้สึกเจ็บเลยหากเทียบกับเครื่อง Hifu, Thermage และ Ulthera ทั่วไป
หลังทำไม่เกิดบาดแผล อาจมีรอยแดงแค่เล็กน้อย
หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
หลังทำสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตได้ตามปกติ

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer III มีอะไรบ้าง

งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีสารเรตินอยด์ AHA BHA เนื่องจากสารเหล่านี้จะส่งผลให้ผิวบอบบางทำให้เกิดรอยแดง รอยช้ำได้ง่าย

งดทำเลเซอร์ผิวก่อนอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์เนื่องจากเป็นช่วยที่ผิวมีความบอบบางง่ายต่อการระคายเคืองสูงจึงควรเว้นระยะให้ผิวได้มีการฟื้นฟูตัวเองเสียก่อน


งดทำหัตถการประเภทฉีดอย่าง ฟิลเลอร์ โบท็อก เมโสแฟตก่อนทำประมาณ 1 เดือน เนื่องจากการยิงส่งพลังงานของเครื่อง Ultraformer III จะมีการใช้ความร้อนที่จะไปทำลายประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของหัตถการประเภทฉีด


งดทำหัตถการร้อยไหมชนิดละลาย ก่อนทำอย่างน้อย 3-4 เดือน

การดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer III

สามารถแต่งหน้า และทำกิจกรรมได้ตามปกติ
ควรหลีกเลี่ยงสัมผัสอากาศร้อนหรือเย็นจัด เป็นเวลานานๆ
ควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 50+
ควรงดการทำการรักษาด้วยเลเซอร์หรือ เทคโนโลยีอื่นที่เพิ่มความร้อนสูงลงสู่ใต้ชั้นผิวหนัง
หากมีอาการเมื่อยหรือตึงผิวก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง
ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น